เดินตามรอยเท้า "พ่อ" พ่อสอนเราให้เราพึ่งพาตนเอง ทำกินก่อน ถ้ามากก็เผื่อแผ่ ถ้าเหลือก็ขาย ใช้ชีวิตพอเพียง แค่นี้ก็สุขแล้ว อย่ารอใครทั้งสิ้น ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

ผู้ติดตาม

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปุ๋ยหมักปรับสภาพดินลูกรัง

ปุ๋ย(1)สูตรปรับสภาพดินลูกรังให้เพาะปลูกได้อีกครั้งของคุณ สุรชัย บุญคง
ปุ๋ย(2)ผู้คิดค้นทดลองใช้จนประสบความสำเร็จศึกษาการทำได้บนเว็บรักบ้านเกิด

ใน พื้นที่การเกษตรของเกษตรกรหลายท่าน อาจจะเป็นพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ไม่ ว่าจะเป็นดินร่วน ดินเหนียว ดินดำ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ของ พื้นที่นั้น ๆ แต่ในส่วนของคุณสุรชัย บุญคง เกษตรกรผู้ทำไร่นาสวนผสม ผสาน ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีนั้น พื้นที่ของคุณสุรชัย จะเป็น พื้นที่ดินลูกรัง เป็นพื้นที่ที่หลาย ๆ คนคิดว่าไม่น่าจะปลูกอะไร ได้ แต่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าว ของคุณสุรชัย สามารถทำการเกษตรได้เป็น อย่างดี เนื่องจากคุณสุรชัย ได้ทำการคิดค้นและทดลองการใช้ปุ๋ยหมักเพื่อ ปรับสภาพพื้นที่ดินลูกรังให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ จนเป็นผลสำเร็จ และ สามารถปลูกพืชได้ดีมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวิธีการและรายละเอียดในการทำปุ๋ย หมักปรับสภาพดินดังนี้


วัสดุอุปกรณ์


1.ถั่วพร้า(ทั้งต้นทั้งรากและผล) 1 ตัน
2.มูลแพะ 10 กระสอบ (กระสอบละ 25 กิโลกรัม)
3.โดโลไมท์ (ปูนมาร์ล) 10 กระสอบ (กระสอบละ 25 กิโลกรัม)
4.พด.7 1 ซอง

วิธีการทำ
ในการทำปุ๋ยหมักนั้น คุณสุรชัย จะทำการผสมส่วนผสมทั้งหมด เป็นชั้น ๆ ดังนี้
1.ชั้นล่างสุด ให้รองพื้นของกองปุ๋ยหมักด้วย ถั่วพร้า ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เตรียมไว้
2.ชั้นที่ 2 ให้นำ พด.7 จำนวน ครึ่งซอง ไปละลายน้ำคนให้เข้ากัน แล้วนำไปราดให้ทั่วกอง
3.จากนั้น ให้นำโดโลไมท์ หรือปูนมาร์ล ที่เตรียมไว้ มาใส่โรยทับให้ชั้นถัดมา
4.นำถั่วพร้าอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ ใส่ลงไป
5.หลังจากนั้น ให้นำขี้แพะทั้งหมดที่เตรียมไว้ มาเทลงไปในชั้นถัดมา
6.ชั้นสุดท้ายให้ราดน้ำ ละลาย พด.7 ที่เหลือราดลงไปให้ทั่ว แล้วให้หาวัสดุจำพวกผ้าใบ หรือสังกะสี ปิดคลุมไว้ หมักไว้ประมาณ 3 เดือน ก็สามารถนำปุ๋ยหมักไปใช้ประโยชน์ได้ (ยิ่งหมักนานยิ่งดี)

วิธีการใช้
ให้นำปุ๋ยหมักที่ได้ ไปหว่านให้ทั่วพื้นที่แปลงปลูก ในช่วงการเตรียมดิน ในปริมาณ 100 กิโลกรัมต่อไร่
** ในการหมักนั้น แนะนำให้ทำการหมักในที่ร่ม หรือในสวนผลไม้ อย่างเช่นสวนมะม่วงก็ได้ เพื่อความสะดวกให้การใช้งาน และที่สำคัญ เศษปุ๋ยที่เหลือจะช่วยในการบำรุง หรือปรับสภาพแปลงปลูกของเราได้อีกด้วย


ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลทางการเกษตร*1677
สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.สระบุรี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น